กฎหมาย "PDPA" ข้อมูลส่วนบุคคล

กฎหมาย "PDPA" คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เริ่มบังคับใช้ตั้งเเต่ต้นเดือนมิถุนายน หลายคนยังสงสัย
โดยเฉพาะ การถ่ายรูป กล้องวงจรปิด โพสต์ภาพลงโซเชียล อาชีพสื่อมวลชนจะต้องปฎิบัติอย่างไร
เเละสิทธิ์ที่พึงมีของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ กฎหมาย PDPA กรณีการถ่ายภาพติดบุคคลที่ 3 ว่าอาจผิดกฎหมายฉบับนี้หรือไม่
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ระบุว่า กรณีการถ่ายรูป ถ่ายคลิปโดยติดบุคคลอื่นโดยผู้ถ่ายรูป ถ่ายคลิปไม่เจตนา
และการกระทำดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ถูกถ่าย สามารถทำได้
หากเป็นการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ส่วนการโพสต์ในโซเชียลมีเดียสามารถทำได้ หากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว
ไม่ใช้แสวงหากำไรทางการค้าและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับการติดกล้องวงจรปิด ภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือน หากเป็นการป้องกันอาชญากรรม และรักษาความปลอดภัย

พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีขึ้นเพื่อให้ภาคเอกชนและภาครัฐ (บุคคล/นิติบุคคล) ที่เก็บรวมรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลโดยจัดให้มีมาตรการปกป้องข้อมูลของผู้อื่นจากการถูกละเมิดสิทธิส่วนตัว มีความเป็นธรรมเเละโปร่งใสต่อเจ้าของข้อมูล ต้องมีฐานการประมวลผลอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กฎหมายกำหนด การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ก่อนการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเป็นเพียงหนึ่งในเจ็ดฐานการประมวลผล เป็นกฎหมายแรกของไทยที่ให้ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเป็นระบบเเละสอดคล้องกับเเนวทางสากล โดยให้มีหน่วยงานของรัฐที่มีความเป็นอิสระทำหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย มีผลบังคับใช้ผูกพันระหว่างผู้ที่เป็นเจ้าของข้อมูล กับผู้เอาไปใช้ ทั้งภาครัฐ เอกชน หน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร คนธรรมดา และนิติบุคคล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิต่างๆ หลายประการใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

สิทธิพึงมีของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

  • สิทธิในการถอนความยินยอม ในกรณีที่ได้ให้ความยินยอมไว้
  • สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบรายละเอียด
  • สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล
  • สิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล
  • สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  • สิทธิขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
  • สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
  • สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อยกเว้นการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 

1. การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ บุคคลที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ส่วนตน หรือเพื่อกิจกรรมในครอบครัวของบุคคลนั้นเท่านั้น 
2. การดำเนินการของหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ รักษาความมั่นคงของรัฐ, ความมั่นคงทางการคลังของรัฐ, การรักษาความปลอดภัยของประชาชน,
การป้องกันและปราบปรามการฟอก  เงิน, นิติวิทยาศาสตร์ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ 

3. บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เฉพาะเพื่อกิจการสื่อมวลชน งานศิลปกรรม หรืองานวรรณกรรม ตามจริยธรรมวิชาชีพหรือ  เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเท่านั้น
4. สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา รวมถึงคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยสภาดังกล่าว ซึ่งเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ในการพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา หรือคณะกรรมาธิการ แล้วแต่กรณี
5. การพิจารณาพิพากษาของศาล และการดำเนินเงินของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาคดี การบังคับคดีและการวางทรัพย์ รวมทั้งการดำเนินงานตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
6. การดำเนินการกับข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตและสมาชิกตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อยกเว้นในกรณีข้างต้น แต่การรวบรวมข้อมูลจะต้องมีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามมาตรฐานด้วย


ถ่ายภาพได้ไหม ไม่ได้หารายได้ประกอบธุรกิจกับงานเหล่านั้น ต้องเบลอไหม ก็เเล้วเเต่ อยากทำก็ไม่ผิด ตาม PDPA กฎหมายไม่ได้มายุ่งกับชีวิตส่วนตัว ทั้งถ่ายวิดีโอ ถ่ายรูป กล้องวงจรปิด ส่วนคำถามที่ว่า อาชีพสื่อมวลชน หากบันทึกภาพติดผู้อื่น การนำไปใช้ได้จะต้องทำอย่างไร ผ.ศ.ศุภวัฒน์ ระบุว่า
หากเป็นไปตามประโยชน์สาธารณะ จะไม่เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์ของPDPA หรือกรณีประชาชนที่ถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอผู้อื่น นำไปลงโซเชียล หากนำใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนบุคคล ไม่ใช่เพื่อการค้า ก็สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายเช่นกัน

สำหรับการติดกล้องวงจรปิด ภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีขายแจ้งเตือน หากเป็นการป้องกันอาชญากรรม และรักษาความปลอดภัย