เทคโนโลยี Power over Ethernet หรือ PoE คือ เทคโนโลยีเพื่อส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อจ่ายให้กับอุปกรณ์ เครือข่ายผ่านสาย UTP โดย PoE ตามมาตรฐาน EEE สามารถทำงานได้บนสายทองแดง UTPแบบ Cat5 โดยสามารถทำงานบนสาย 2 คู่ (คู่ที่ใช้ในการ ส่งสัญญาณข้อมูล 1, 2. 3, 6) หรือคู่ที่เหลือก็ได้ โดย กระแสไฟสามารถถูกจ่ายได้จากอุปกรณ์อย่าง PoE Switch หรือจะผ่าน Midspan Power Supply ก็ได้
ทำความรู้จักมาตรฐาน
POE IEEE 802.3af และ IEEE 802.3at
PoE ตามมาตรฐาน IEEE แบ่งออกเป็น 2 มาตร ฐานหลักๆ ด้วยกันคือ 802.3afปี 2003 และ 802.3at ปี 2009 โดยทั้งสองมาตรฐานมีความแตกต่างกันเรื่อง กำลังของกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปบนสาย UTP เพื่อจ่าย ไฟให้กับอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ เช่น Access Point, VolP Phone, CCTV และ IP-Camera เป็นต้น
IEEE 802.3af รองรับการส่งไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สูงสุด 15.4 Watt, 48V, 350mA (ต่ำสุดที่ 44VDC) ไปยังอุปกรณ์เครือข่ายปลายทาง (Powered Device) โดยกระแสไฟฟ้าจะมีกระแสเฉลี่ยที่ปลาย สายเพียง 12.95 Watt เนื่องจากต้องมีการสูญเสีย พลังงานไปตามระยะทางของสาย UTP นั่นเอง IEEE 802.3at หรือที่รู้จักกันในนาม PoE+ หรือ PoE Plus ซึ่ง 802.3at จะรองรับการส่งไฟฟ้า DC ที่มีกำลังสูงถึง 25.5 Walt หรือมากได้ถึง 50 Watt เมื่อ ใช้สายทุกคู่ในการส่งกระแสไฟฟ้า
ทำไม??ต้องมีมาตรฐาน
สาเหตุที่ต้องมีการพัฒนามาตรฐาน 802.3at ขึ้นมานั้นก็เนื่องจากแต่ก่อนอุปกรณ์ เครือข่ายอย่าง Access Point แบบ IEEE 802.11b/g ธรรมดาหรือ VolP Phone นั้นมี ความต้องการกระแสไฟฟ้าในระดับ 8-12 Watt มาตซึ่งมาตรฐาน 802.3af ก็สามารถรองรับได้ แต่ เมื่ออุปกรณ์เครือข่ายอย่าง Access Point มี การพัฒนาไปใช้เทคโนโลยี MIMO ที่มีภาคส่ง สัญญาณหลาย Stream ซึ่งต้องการกำลังไฟ มากขึ้น และยังมี Access Point ซึ่งยิ่งต้องการกระแสไฟในระดับ 20- 30 Watt ขึ้นไป ซึ่งต้องการ PoE แบบ 802.3at ที่สามารถส่งกระแสไฟกำลังสูงกว่าได้นั่นเอง
ประโยชน์ของPOE
- ประโยชน์ของเทคโนโลยี PoE ประหยัดกว่าเดินสายไฟ ในบางสถานที่การเดิน สายไฟ AC ใหม่ไปยังสถานที่ติดตั้งอุปกรณ์ Access Point อาจจะเป็นไปไม่ได้
- ติดตั้งง่ายและรวดเร็วกว่า เพราะใช้สายเพียง UTP เพียงเส้นเดียว ไม่ต้องลากสายไฟ ใหม่ หมดกังวลในการหาที่ติดตั้งปลั๊กไฟ ลดค่าใช้จ่ายและเวลา ในการดูแลรักษาอีก ด้วย
- รองรับความเร็วระดับ Gigabit
- กำลังไฟแบบ 48V DC สามารถทำระบบแบ็กอัปไฟล์ได้ง่ายกว่า โดยสามารถสร้างระบบ สำรองไฟ ด้วยแบตเตอรี่ และยังช่วยสร้างระบบบริหารกระแส ไฟจากส่วนกลางได้อีก
PoE ใช้สายคู่ไหนส่งไฟกันแน่?
ปกติการส่งสัญญาณตามมาตรฐาน 10BASE-T หรือ 100BASE-TX นั้นจะใช้คู่ สาย UTP เพียง 4 เส้นหรือ 2 คู่เท่านั้น โดย จะมีคู่ที่เหลืออีก 2 คู่เป็นคู่สายสำรอง ซึ่งก็ สามารถใช้คู่สายที่เหลืออยู่ในการส่งกระแส ไฟได้ แต่สำหรับ 1000BASE-T หรือ Gigabit Ethernet Network นั้นจำเป็นต้องใช้คู่สาย ทั้งหมด 8 เส้นหรือ 4 คู่ ท่านสงสัยหรือไม่ว่า แล้วจะใช้สายทองแดงคู่ไหนในการส่งกระแส ไฟในเมื่อต้องใช้สายทองแดงทั้งหมดที่มี คำ ตอบก็คือด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Phantom Power ซึ่งทำให้สามารถส่งกระแสไฟไป พร้อมๆ กับการส่งข้อมูลนั่นเอง
อุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน PoE ปัจจุบันมีอุปกรณ์จำนวนมากที่นำ POE มา ประยุกต์ใช้ เช่น
ㆍ Wireless Access Point ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor
ㆍNetwork Router . Network Switch ที่ติดตั้งในระยะไกล โดย อาศัยไฟจาก PSE (Power Sourcing Equipment)
ㆍIP-Camera ㆍIP-Phone ㆍWall Clock with NTP
สรุปมาตรฐาน POE
คืออุปกรณ์ PSE ที่รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11af หรือ 802. 1 1at นั้นจะมีขั้นตอนการตรวจสอบ คุณสมบัติของสายทองแดง เช่น ค่าโหลด (โอห์ม) ว่า สูงหรือต่ำเกินไปหรือไม่ และตรวจสอบว่าสายมีการซอร์ตหรือไม่ โดยหากสาย UTP เส้นนั้นไม่อยู่ในสภาวะ ปกติ อุปกรณ์ PSU ก็จะไม่จ่ายกระแสไฟออกไปเพื่อ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ปลาย ทาง (PD) นั่นเอง
ลองมาดูกันต่อเดียวนี้เทคโนโลยีมีการพัฒนาขึ้นมากดัดแปลงการทำงานยึดหยุนได้มากมาย หลักๆการทำงานจะมาจากตัวอุปกรณ์ Switch Poe ที่มาความสามารถมาขึ้นเพิ่ม AIเข้ามาช่วยในการRunระบบได้สะดวกขึ้นหาข้อผิดพลาด เอาง่ายฉลาดแถมไม่ต้องสั่งการอ่านต่อ